ส.บอล เรียกสอบเพิ่ม! ภูริทัต+พัทยา เหตุดีใจเยาะเย้ยคู่แข่ง
ด้วยการกระโดดใช้ลำตัวกระแทก มิลอส สโตจาโนวิค ดาวยิงพัทยา ยูไนเต็ด หลังยิงจุดโทษพลาด โดย แนวรับราชันมังกรยันชัดแค่ดีใจเท่านั้นไม่มีเจตนาจะทำร้าย หรือเยาะเย้ยคู่แข่งแต่อย่างใด
จากนั้นวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาท สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้จัดการประชุมคณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาท สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ศูนย์กีฬาหัวหมาก ไปแล้วนั้น พบว่ายังไม่มีการพิจารณาบทลงโทษในกรณีของ ภูริทัต จาริกานนท์ แข้งแนวรับของทีมราชบุรี มิตรผลฯ ที่ไปแสดงอาการดีใจ ด้วยการกระโดดใช้ลำตัวกระแทก มิลอส สโตจาโนวิค ดาวยิงพัทยา ยูไนเต็ด หลังยิงจุดโทษพลาด ในช่วงท้ายเกม
ก่อนที่คณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาทฯ ได้ส่งหนังสือเชิญเจ้าหน้าที่สโมสรพัทยา ยูไนเต็ด รวมถึง ภูริฑัต จาริกานนท์ เข้าชี้แจงข้อมูลถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ในวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เพื่อประกอบคำพิจารณา
หลังจากที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้เข้าชี้แจงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว "เจ้าแบงค์" ภูริฑัต จาริกานนท์ กองกลางตัวรับราชบุรี มิตรผล เอฟซี ได้ออกมาบอกว่า "จากกรณีที่ พัทยา ยูไนเต็ด ทำหนังสือเกี่ยวกับเรื่องที่ผมกระโดดดีใจนั้น ผมเองได้เข้ามาพูดถึงจังหวะดังกล่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น คิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหา หากว่าเราใช้ตาดู หูฟัง มันก็ยังไม่จบ ทุกคนสามารถมีคอมเมนต์ได้ต่างๆนานา แต่ถ้าจะรู้ความจริงก็ต้องผ่านกระบวนกลางความเป็นการ ซึ่งวันนี้ได้คุยกับคณะกรรมการได้ดูเทปแบบชอตต่อชอตแล้ว เหตุการณ์นี้มันเร็วมาก ที่สำคัญคงจะไม่ได้เป็นแบบที่ทุกคนคิดเสมอไป"
"เจ้าแบงค์" ยังกล่าวอีกว่า "ผมเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม เพราะที่ผมกระโดดวันนั้นมันเป็นความดีใจ เนื่องจากผมทำแฮนด์บอลให้ทีมเสียจุดโทษ ก่อนที่ผมจะลุ้นให้ อุกฤษณ์ วงศ์มีมา เซฟจุดโทษได้ ซึ่งเขาก็ทำได้ ทำให้ผมดีใจที่ทีมไม่เสียประตู แต่จังหวะที่กระโดดนั้นผมไม่มีเจตนาจะทำร้าย หรือเยาะเย้ยคู่แข่ง (มิลอส สโตจาโนวิค) ถ้าสังเกตุคลิปดีๆ แค่ 1-2 วินาที ก่อนที่ผมจะกระโดดดีใจจังหวะดังกล่าวผมคิดว่าคงจะตัดสินไม่ได้กับผมที่กระทำลงไป"
ด้าน "โค้ชเจมส์" สุภัทร อ้นทอง สตาฟฟ์โค้ช พัทยา ยูไนเต็ด ได้เผยหลังจากให้ข้อมูลกับคณะกรรมการว่า วันนี้ที่มาชี้แจงเรื่องของ ภูริฑัติ จาริกานนท์ นั้น เพราะทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้เชิญให้ทีมมาเพิ่มเติมในเรื่องของเรื่องดังกล่าว
"ตนต้องการให้สมาคมฯ ได้เห็นถึงสปิริตของนักกีฬาทุกคนว่าดีหรือไม่ เพราะในโลกของความเป็นจริงทุกวันนี้ มีสื่อโซเชียลมากมาย ที่มันสามารถเห็นภาพย้อนหลังได้ สำหรับตนแล้วเห็นด้วยว่าการลงโทษแบนย้อนหลัง หรือว่ามีภาพองค์ประกอบในการพิจารณาคดีน่าจะเป็นส่วนที่ดีไม่น้อยกับคนที่มีสปิริตน้อยลง"
"การที่มาครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าจะให้พิจารณาโทษนักเตะเพิ่มขึ้น แต่อยากที่จะขอให้ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย นำไปเป็นบรรทัดฐาน เพื่อที่จะเป็นของสโมสรต่อไป เพราะทุกวันนี้มีการแข่งขันที่จริงจังมากกว่าเดิม จึงต้องการให้เคสต์นี้เป็นกรณีศึกษาต่อไป"