"อดิศร แดงเรือง" จากเด็กช่าง สู่แข้งขวัญใจสิงห์เจ้าท่า
การท่าเรือ เปิดเผยเรื่องราวชีวิตของ อดิศร แดงเรือง จากเด็กช่างสู่การเป็นหนึ่งในแข้งขวัญใจสิงห์เจ้าท่า
การท่าเรือ เอฟซี อันดับ 9 แห่งศึกโตโยต้า ไทยลีก ตีแผ่ชีวิตของ อดิศร แดงเรือง กองกลางคนสำคัญของทีม จากอดีตถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นเด็กช่างก่อนก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทัพสิงห์เจ้าท่า
กองกลางวัย 30 ปี ย้ายจาก สมุทรสงคราม เอฟซี มาอยู่กับ การท่าเรือ เอฟซี ตั้งแต่ฤดูกาล 2015 ล่าสุดก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 เขาเป็นหนึ่งในแกนหลักบนแผงมิดฟิลด์ของทีมมาตลอด ปัจจุบันลงเล่นนโตโยต้า ไทยลีก ให้ทีม 21 นัด มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของทีม
เรื่องราวชีวิตค้าแข้งของเขาเป็นมา
“อดิศร แดงเรือง” จากนักฟุตบอลเด็กช่าง สู่มิดฟิลด์ขวัญใจสิงห์เจ้าท่า
ครั้งหนี่งกับความผิดหวังบนสนามหญ้าที่การท่าเรือ ในการคัดฟุตบอลเพื่อเข้าสู่โรงเรียนที่ใฝ่ฝันอย่างกรุงเทพคริสเตียน ผลิกพันสู่การเป็นเด็กช่างกลโรงงาน ก่อนจะกลับมาคัดตัวกับสโมสรฟุตบอลอาชีพ หลังเดินสายกว่า 5 ปี ก้าวแรกสู่การลงเล่นในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ กับ “นครปฐม ยูไนเต็ด” อาจยังไม่เป็นที่จดจำนัก แต่ด้วยความขยัน อดทน และพร้อมที่จะเรียนรู้อยู่เสมอ จึงได้ย้ายสู่สโมสรที่มีชื่อเสียงอีกมากมาย อาทิ ชัยนาท ฮอร์นบิล สมุทรสงคราม เอฟซี จนกระทั่งการก้าวสู่สโมสรระดับตำนานอย่างการท่าเรือ เอฟซี จากการชักชวนมาคัดตัวของ”โค้ชฉ่วย” สมชาย ฉวยบุญชุม และลงเล่นให้การท่าเรือ เอฟซี จนถึงวันนี้ ก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 ด้วยความขยัน สู้ไม่ถอยของมิลฟิลด์คนนี้ ได้กลายมาเป็นขวัญใจชาวคลองเตยอย่างเต็มตัว
“วันแรกที่ย้ายสู่ทีมการท่าเรือ ผมดีใจมาก ใครๆก็คงพูดเหมือนผมทุกคนว่าการท่าเรือเป็นทีมที่เรียกว่าตำนาน ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมนี้ แต่ตอนที่เข้ามาผมไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก ผมแค่รักฟุตบอล ชอบเตะฟุตบอล ไม่ได้คิดว่าจะเด่นจะดังอะไรทั้งนั้น หรือว่าต้องได้ค่าตอบแทนเท่านั้นเท่านี้ ผมรู้ว่าเราเล่นไม่เก่งเราต้องขยันแค่นั้น ใครว่าผมไม่เก่งผมไม่โกรธ แต่ถ้าใครว่าผมขี้เกียจนี้สิ ไม่ยอมนะ (555)
หลังจากที่คุณแป้งเข้ามาทำทีม แน่นอนครับว่ามีหลายอย่างเปลี่ยนไป แต่เปลี่ยนไปในทางที่ดีมากๆ อย่างแรกเลยผมได้รู้จัก ได้เล่นได้ซ้อม กับคนที่ผมเคยเห็นเขาแต่ในโทรทัศน์ มันรู้สึกดีมากๆ แล้วก็ภูมิใจด้วย เพราะเวลากลับบ้านเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ก็มักจะถามผมว่าเจอคนนั้นไหม คนนี้เป็นยังไง อะไรประมานนี้ ผมก็บอกเขาไปว่าเก่งๆ ทุกคนเลย เพราะคนแถวบ้านผม ก็เหมือนผมแหละ ได้เห็นแต่คนพวกนี้ในโทรทัศน์ แต่ผมได้อยู่กับเขา ได้คุยกับเขาที่สำคัญได้เตะบอลกับพวกเขาด้วย พี่แป้งเอาแต่คนคุณภาพเข้ามาทั้งนั้น ซึ่งนั่นต้องทำให้เราพัฒนา ตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นภาระกับเพื่อนร่วมทีม
ถ้าถามผมว่าสิ่งที่ยากที่สุดในการเล่นสำหรับผม คือการเล่นให้ชนะ (555) สุขที่สุข ก็คือทีมเราชนะ ทุกข์ที่สุด คือทีมแพ้ และสิ่งที่ กลัวที่สุด คือการตกชั้นครับ เพราะว่าถ้าตกชั้น นั้นหมายความว่า เราไม่ดีพอ เมื่อเราไม่ดีพอก็กลัวว่าจะไม่ได้อยู่ในทีมนี้ต่อไป
อนาคตตอนนี้คิดแค่ว่าผมคงต้องการอยู่ในไทยลีกก่อน และพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ถ้าวันหนึ่งผมเลิกเล่นบอล ผมคงจะทำงานอยู่แถวบ้าน จากเงินเก็บของผมเอง ผมเชื่อว่าถ้าเราไม่ขี้เกียจ เราจะไม่มีวันอดตายแน่ๆ ผมไม่ใช่คนยึดติดอะไร ไม่ใช้ของหรูหรา และถ้าเวลาว่างหรือเวลาอยู่บ้านผมก็จะเตะบอลเล่นกับเพื่อนแถวบ้าน หรือไม่วิ่งอยู่ใกล้ๆ บ้านดูแลร่างกายตัวเอง ให้แก่ตามวัย"
การท่าเรือ เอฟซี อันดับ 9 แห่งศึกโตโยต้า ไทยลีก ตีแผ่ชีวิตของ อดิศร แดงเรือง กองกลางคนสำคัญของทีม จากอดีตถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นเด็กช่างก่อนก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทัพสิงห์เจ้าท่า
กองกลางวัย 30 ปี ย้ายจาก สมุทรสงคราม เอฟซี มาอยู่กับ การท่าเรือ เอฟซี ตั้งแต่ฤดูกาล 2015 ล่าสุดก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 เขาเป็นหนึ่งในแกนหลักบนแผงมิดฟิลด์ของทีมมาตลอด ปัจจุบันลงเล่นนโตโยต้า ไทยลีก ให้ทีม 21 นัด มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของทีม
เรื่องราวชีวิตค้าแข้งของเขาเป็นมา
“อดิศร แดงเรือง” จากนักฟุตบอลเด็กช่าง สู่มิดฟิลด์ขวัญใจสิงห์เจ้าท่า
ครั้งหนี่งกับความผิดหวังบนสนามหญ้าที่การท่าเรือ ในการคัดฟุตบอลเพื่อเข้าสู่โรงเรียนที่ใฝ่ฝันอย่างกรุงเทพคริสเตียน ผลิกพันสู่การเป็นเด็กช่างกลโรงงาน ก่อนจะกลับมาคัดตัวกับสโมสรฟุตบอลอาชีพ หลังเดินสายกว่า 5 ปี ก้าวแรกสู่การลงเล่นในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ กับ “นครปฐม ยูไนเต็ด” อาจยังไม่เป็นที่จดจำนัก แต่ด้วยความขยัน อดทน และพร้อมที่จะเรียนรู้อยู่เสมอ จึงได้ย้ายสู่สโมสรที่มีชื่อเสียงอีกมากมาย อาทิ ชัยนาท ฮอร์นบิล สมุทรสงคราม เอฟซี จนกระทั่งการก้าวสู่สโมสรระดับตำนานอย่างการท่าเรือ เอฟซี จากการชักชวนมาคัดตัวของ”โค้ชฉ่วย” สมชาย ฉวยบุญชุม และลงเล่นให้การท่าเรือ เอฟซี จนถึงวันนี้ ก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 ด้วยความขยัน สู้ไม่ถอยของมิลฟิลด์คนนี้ ได้กลายมาเป็นขวัญใจชาวคลองเตยอย่างเต็มตัว
“วันแรกที่ย้ายสู่ทีมการท่าเรือ ผมดีใจมาก ใครๆก็คงพูดเหมือนผมทุกคนว่าการท่าเรือเป็นทีมที่เรียกว่าตำนาน ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมนี้ แต่ตอนที่เข้ามาผมไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก ผมแค่รักฟุตบอล ชอบเตะฟุตบอล ไม่ได้คิดว่าจะเด่นจะดังอะไรทั้งนั้น หรือว่าต้องได้ค่าตอบแทนเท่านั้นเท่านี้ ผมรู้ว่าเราเล่นไม่เก่งเราต้องขยันแค่นั้น ใครว่าผมไม่เก่งผมไม่โกรธ แต่ถ้าใครว่าผมขี้เกียจนี้สิ ไม่ยอมนะ (555)
หลังจากที่คุณแป้งเข้ามาทำทีม แน่นอนครับว่ามีหลายอย่างเปลี่ยนไป แต่เปลี่ยนไปในทางที่ดีมากๆ อย่างแรกเลยผมได้รู้จัก ได้เล่นได้ซ้อม กับคนที่ผมเคยเห็นเขาแต่ในโทรทัศน์ มันรู้สึกดีมากๆ แล้วก็ภูมิใจด้วย เพราะเวลากลับบ้านเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ก็มักจะถามผมว่าเจอคนนั้นไหม คนนี้เป็นยังไง อะไรประมานนี้ ผมก็บอกเขาไปว่าเก่งๆ ทุกคนเลย เพราะคนแถวบ้านผม ก็เหมือนผมแหละ ได้เห็นแต่คนพวกนี้ในโทรทัศน์ แต่ผมได้อยู่กับเขา ได้คุยกับเขาที่สำคัญได้เตะบอลกับพวกเขาด้วย พี่แป้งเอาแต่คนคุณภาพเข้ามาทั้งนั้น ซึ่งนั่นต้องทำให้เราพัฒนา ตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นภาระกับเพื่อนร่วมทีม
ถ้าถามผมว่าสิ่งที่ยากที่สุดในการเล่นสำหรับผม คือการเล่นให้ชนะ (555) สุขที่สุข ก็คือทีมเราชนะ ทุกข์ที่สุด คือทีมแพ้ และสิ่งที่ กลัวที่สุด คือการตกชั้นครับ เพราะว่าถ้าตกชั้น นั้นหมายความว่า เราไม่ดีพอ เมื่อเราไม่ดีพอก็กลัวว่าจะไม่ได้อยู่ในทีมนี้ต่อไป
อนาคตตอนนี้คิดแค่ว่าผมคงต้องการอยู่ในไทยลีกก่อน และพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ถ้าวันหนึ่งผมเลิกเล่นบอล ผมคงจะทำงานอยู่แถวบ้าน จากเงินเก็บของผมเอง ผมเชื่อว่าถ้าเราไม่ขี้เกียจ เราจะไม่มีวันอดตายแน่ๆ ผมไม่ใช่คนยึดติดอะไร ไม่ใช้ของหรูหรา และถ้าเวลาว่างหรือเวลาอยู่บ้านผมก็จะเตะบอลเล่นกับเพื่อนแถวบ้าน หรือไม่วิ่งอยู่ใกล้ๆ บ้านดูแลร่างกายตัวเอง ให้แก่ตามวัย"