วันเสาร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2560

ศึกสุดท้ายที่เมลเบิร์น


ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย นัดสุดท้าย ทีมชาติไทย จะบุกไปเยือน ทีมชาติออสเตรเลีย วันที่ 5 กันยายนนี้



สิ้นเสียงนกหวีดยาวที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อคืนวันที่ 31 สิงหาคม ที่ผ่านมา เป็นที่น่าเสียดายเมื่อ ทีมชาติไทย ไม่สามารถส่งท้ายการเล่นต่อหน้าแฟนบอลด้วยการคว้า 3 คะแนนแรกได้ เมื่อเปิดบ้านพ่ายต่อ อดีตแชมป์เอเชียนคัพ อย่าง ทีมชาติอิรัก 1-2 ทำให้ผ่านไป 9 นัดยังเป็นทีมเดียวที่ยังไม่ชนะใคร ในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้ายนี้

อย่างไรก็ตามเสียงนกหวีดดังกล่าว ไม่ใช่สัญญาณสุดท้ายที่ ช้างศึก หมดหวังในการลุ้นประเดิมเก็บ 3 คะแนนแรก เมื่อยังเหลือการแข่งขันอีก 1 นัด ที่จะบุกไปเยือน ทีมชาติออสเตรเลีย วันที่ 5 กันยายนนี้ แม้อาจจะดูเหมือน ทีมชาติไทย เป็นรองทุกกระบวนท่า แต่ในโลกของฟุตบอลอะไรก็เกิดขึ้น ที่สำคัญทุกอย่างบนโลกใบนี้ล้วนใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวัง

สถานการณ์ปัจจุบัน ออสเตรเลีย เจ้าของอันดับ 45 ของโลกและอันดับ 3 แห่งเอเชีย ในฟีฟ่าแรงกิ้งเดือนล่าสุด จำเป็นต้องเอาชนะ ช้างศึก ให้ได้ก่อน เพื่อแย่งอันดับ 2 ของกลุ่มเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติ กับ ซาอุดิอาระเบีย ที่จะเปิดบ้านพบ ญี่ปุ่น ในวันเดียวกัน ซึ่งจากมุมนี้เองทำให้ มิโลวาน ราเยวัช มองว่าความกดดันที่ถาโถมเข้าใส่ทัพซอคเกอร์รูส์นั้นจะส่งให้ทีมมีลุ้นคว้า 3 คะแนนแรกในนัดสุดท้ายนี้

“ออสเตรเลีย กำลังอยู่ในสถานการณ์หลังพิงฝาซึ่งต่างจากเรา” โค้ชมิโล กล่าวต่อ “พวกเขาต้องการชัยชนะสถานเดียว นั่นจะบีบให้พวกเขาต้องเปิดเกมบุกใส่เรา อีกทั้งยังมีปัจจัยเรื่องเสียงเชียร์ แม้หลายคนอาจมองว่าเป็นข้อได้เปรียบสำหรับพวกเขา แต่อีกหนึ่งมุมผมคิดว่านั่นจะเป็นการสร้างแรงกดดันให้นักเตะพวกเขาเองเช่นกัน”

“แน่นอนว่าจากการที่พวกเขาต้องบุก มันย่อมเกิดช่องว่างหรือพื้นที่ให้เราโต้กลับ ซึ่งเราต้องเล่นอย่างใจเย็น รัดกุมและมีสมาธิให้มากที่สุด และอาศัยจังหวะนี้เล่นงานพวกเขา ที่สำคัญจากการที่เราไม่มีลุ้นอะไรแล้ว นักเตะของเราน่าจะเล่นได้อย่างผ่อนคลายมากกว่า มันเหมือนกลับว่าเราไม่มีอะไรต้องเสีย 1 คะแนนหรือ 3 คะแนนนัดนี้ถือเป็นโบนัสถ้าเราได้มา”

ขณะเดียวกัน ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้ากัปตันทีม ที่ยิง 2 ประตูใส่ ออสเตรเลีย ในนัดแรกที่พบกัน ก็ยังแสดงให้เห็นว่าถึงความมุ่งมั่นทุ่มเทเหมือนเดิม เมื่อยังคาดหวังถึงผลการแข่งขันที่ดี แม้จะเป็นเกมที่ยากก็ตาม

“ผมรู้ว่าทุกคนผิดหวัง ทุกคนเสียใจในเกมกับอิรัก แต่ผมว่าถ้าเราจมปลักหรือคิดมากก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมา ผมอยากให้ทุกคนลืมนัดนี้ไป เรายังเหลืออีก 1 เกมกับ ออสเตรเลีย ผมอยากให้ทุกคนมองไปข้างหน้า ช่วยกันทำงานหนัก แม้จะเป็นเกมที่ยากแต่เราก็ยังหวังที่จะได้ผลการแข่งขันที่ดีกลับมา"

นอกเหนือจากความกระหายที่ยังต้องการได้ 3 คะแนนแรกจนถึงเกมสุดท้ายแล้ว ยังมีในแง่สถิติที่อาจทำให้ ช้างศึก มีแรงจูงใจมากขึ้น เมื่อการพบกันตั้งแต่ปี 1982 ถึงปัจจุบัน รวม 6 นัด ทีมไม่เคยเอาชนะได้เลย นั่นหมายความว่าหากทำได้ พวกเขาเหล่านี้จะได้ชื่อว่าเป็นชุดที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้ ทีมชาติไทย

สุดท้ายแล้วไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาเป็นอย่างไร เหนือสิ่งอื่นใด “กำลังใจ” จากแฟนบอลชาวไทยสำคัญที่สุด ร่วมสู้ไปกับทัพช้างศึกในเกมส่งท้าย วันที่ 5 กันยายนนี้

Translate

บทความที่ได้รับความนิยม

ผู้ติดตาม