สก๊อตต์พูดร่ายยาวหลังพา อุบล ยูเอ็มที ปลดล็อคคว้าชัยเหนือการท่าเรือ
สก๊อตต์ คูเปอร์ หัวหน้าผู้ฝึกสอน อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด ร่ายยาวนาน 13 นาทีหลังทีมสามารถปลดล็อคเอาชนะ การท่าเรือ เอฟซี 2-1 ในศึกโตโยต้าไทยลีกเมื่อคืนวันอาทิตย์ 9 กรกฏาคม ที่ผ่านมา
“เทพอินทรี” ถอนแค้นเอาชนะ “สิงห์เจ้าท่า” ได้เป็นครั้งแรกหลังพบกันมา 3 ครั้ง รวมถึงหยุดสถิติไร้ชัยในรอบ 6 เกมตั้งแต่เปิดเลกสองได้สำเร็จ โดย กุนซือชาวไอริช ได้แถลงข่าวหลังจบเกมนานถึง 13 นาที
“แน่นอนเราพอใจสำหรับสามแต้มสำหรับเกมนี้ เพราะว่าเราไม่เคยเอาชนะ การท่าเรือ ได้เลย3ครั้งที่พบกันเราเล่นได้ดี และ วันนี้เราก็เล่นได้ดีแต่เราได้ 3 แต้ม” คูเปอร์กล่าวเริ่มแบบมีรอยยิ้ม
“เกมนี้วันนี้เป็นเกมที่น่าสนใจเพราะเราขึ้นนำเร็ว 2-0 ดูเหมือนจะจบแล้วครึ่งแรกเราเฉียบคมกว่ากองหลังการท่าเรือ สกัด คาร์เลา ศูนย์หน้าของเราไม่อยู่เลย"
"ช่วงตอนพักครึ่งเราก็ได้บอกผู้เล่นทุกคน 5 นาทีแรก 10นาที สมาธิอย่าเสียประตูง่ายแต่พอเริ่มครึ่งหลังเราเสียประตูทันทีเลยคือลูกที่เราเสีย 2-1 กองหลังเราก็เล่นได้ดีนะครับแต่พอลูกที่เสียเราโดนโฉบกองหน้าการท่าเรือเขาโหม่งสะบัดด้วยศรีษะด้านหลังหลัง เหมือนนัดที่ สุพรรณบุรี มาเยือนเรา ชนานันท์ ป้อมบุปผา โฉบมาโหม่งเหมือนเกมนี้”
“มันเลยทำให้เราเล่นยากเลยแต่ผมเชื่อว่าถ้าเรานำ 2-0 แล้วเล่นอย่างรัดกุมลูก 3 ลูก 4 มาแน่ แต่ผมยังไม่อยากพูดอะไรมากเมื่อกี้ก่อนเข้ามาแถลงข่าวหลังเกมก็กดดูโทรศัพท์ ก็มีเพื่อนอาชีพโค้ชบอกว่าทีมเราควรได้ลูกจุดโทษอยู่สองครั้งทั้งครึ่งแรกและครึ่งหลัง เดี๋ยวยังไงเดี๋ยวผมกลับไปดูเทปย้อนหลังอีกที เพราะผมเห็นไม่ชัด แต่ยังไงทุกๆเกมมันมีเรื่องของผู้ตัดสินให้พูดถึงตลอด”
“อย่างจังหวะแรกที่ผมเห็นจากการที่ กัณฑ์สิทธิ์ เปรมธนากุล กองหน้าของเรา กับ รัตนัย ส่องแสงจันทร์ การคนต่างเข้าหาบอลแต่ต้องดูว่าใครถึงบอลก่อน"
"แต่ในมุมของผมเป็นลูกทีมของทีมผมที่ถึงบอลก่อน และ ผู้รักษาประตูของการท่าเรือนั้นพุ่งเข้าหาเราเขาต้องผมคิดว่าต้องโดนใบแดงหรือเสียจุดโทษ เพราะมันไม่มีทางที่คนเข้าถึงบอลก่อนจะเสียฟาวล์ มันเป็นไปไม่ได้ แต่ยังไงเรายังไม่ดูภาพช้ามีแต่เพียงข้อความจากเพื่อนที่ส่งมาแน่นอนผู้ตัดสินก็ต้องเป่าให้ผู้รักษาประตูอยู่แล้วเพราะอยู่ในกรอบเขตโทษที่ต้องเซฟตัวผู้รักษาประตู”
“อีกจังหวะที่ผมเห็นคือลูกแฮนด์บอลในครึ่งเวลาหลังที่ผมเห็นเต็มๆและผมก็เดินไปหาผู้ตัดสินที่ 4 เขาบอกว่าให้ครับเพราะมันแฮนด์บอลในกรอบเขตโทษเต็มๆเลยครับแต่ผมก็บอกผู้ตัดสินที่4นะครับว่าคุณได้บอกผู้ตัดสินที่อยู่ในสนามรึเปล่า สุดท้ายเราก็ทำอะไรไม่ได้”
“จริงๆการท่าเรือนั้นเป็นทีมที่ดีแต่เพียงว่าวันนี้ กัปตันทีมของเขาอย่าง ดาบิด โรเชลา ไม่ได้มาช่วยทีมลงสนามเพราะมันทำให้งานของการท่าเรือนั้นยากขึ้น โชซิมาร์ ก็เจ็บก่อนเกมนี้หลายเกมมันทำยิ่งให้การท่าเรือมีงานที่ยากขึ้นไปอีก"
"เราก็มีปัญหาเช่นกันเมื่อในตำแหน่งฝั่งขวาของ เคนตะ ยามาซากิ ที่ถูกแบนเราบอกให้นักเตะทั้ง 13 คนทั้งตัวจริงตัวสำรองไปช่วยในตำแหน่งนั้นเพื่อให้ทีมควบคุมสถานการณ์การขาดหายไปของเคนตะ ไว้ให้ได้”
“แต่เกมนี้มีสิ่งหนึ่งที่ภูมิใจเมื่อลูกทีมผมพูดถึง เซร์คิโอ ซัวเรซ ว่าเขาเป็นผู้เล่นที่อันตรายตั้งแต่พบกันเมื่อเกมก่อน แต่วันนี้เขาสร้างความอันตรายกับเราได้น้อยมากเลย สำหรับผมมองว่า ปกรณ์ เปรมภักดิ์ ถือว่าเป็นคีย์แมนสำหรับ การท่าเรือ เลยเปิดบอลดีพาบอลขึ้นทำเกมได้เขาเป็นในความคิดผมถ้าปล่อยให้เขามีพื้นมีเวลาแล้วครอสบอลไปในกรอบเขตโทษตรงเป้าแน่นอนครับ”
“แต่วันนี้เราก็ซ้อมแผนมารับมือให้บีบเขาเล่นเท้าซ้ายให้มากที่สุดอีกอย่าง ปกรณ์ เขาเตะมุมเข้าบ่อยโดยเกมวันนี้เราก็ให้ผู้เล่นของเราหนึ่งคนไปบังการครอสเข้ามาของเขาระยะ 10 หลานี่คืออีกหนึ่งจุดที่อันตรายของการท่าเรือ และนี่ก็คืออีกหนึ่งแผนที่สร้างซ้อมาเพื่อให้ปกรณ์ เปรมภักดิ์ ออกบอลให้ยากที่สุดเห็นได้ว่าลูกครอสหรือลูกเตะบอลของการท่าเรือสร้างปัญหาให้เราได้น้อยมากเลย”
“ในที่สุดเราก็ชนะสักทีในเลกสองจริงๆผมนอนไม่ค่อยหลับนะการเป็นโค้ชแล้วทีมไม่ชนะแต่ผมก็ยังเชื่อมั่นมาโดยตลอดด้วยวิธีการเล่นของเราวันหนึ่งเราจะได้ผลการแข่งขันที่เราต้องการ ผมเชื่อในผู้เล่น ผมเชื่อในตัวเอง และผมเชื่อในระบบ” กุนซือไอริชร่ายยาวไปถึงแฟนบอล ประธานและผู้สนับสนุนรวมระเวลา 13 นาทีกว่า
“เทพอินทรี” ถอนแค้นเอาชนะ “สิงห์เจ้าท่า” ได้เป็นครั้งแรกหลังพบกันมา 3 ครั้ง รวมถึงหยุดสถิติไร้ชัยในรอบ 6 เกมตั้งแต่เปิดเลกสองได้สำเร็จ โดย กุนซือชาวไอริช ได้แถลงข่าวหลังจบเกมนานถึง 13 นาที
“แน่นอนเราพอใจสำหรับสามแต้มสำหรับเกมนี้ เพราะว่าเราไม่เคยเอาชนะ การท่าเรือ ได้เลย3ครั้งที่พบกันเราเล่นได้ดี และ วันนี้เราก็เล่นได้ดีแต่เราได้ 3 แต้ม” คูเปอร์กล่าวเริ่มแบบมีรอยยิ้ม
“เกมนี้วันนี้เป็นเกมที่น่าสนใจเพราะเราขึ้นนำเร็ว 2-0 ดูเหมือนจะจบแล้วครึ่งแรกเราเฉียบคมกว่ากองหลังการท่าเรือ สกัด คาร์เลา ศูนย์หน้าของเราไม่อยู่เลย"
"ช่วงตอนพักครึ่งเราก็ได้บอกผู้เล่นทุกคน 5 นาทีแรก 10นาที สมาธิอย่าเสียประตูง่ายแต่พอเริ่มครึ่งหลังเราเสียประตูทันทีเลยคือลูกที่เราเสีย 2-1 กองหลังเราก็เล่นได้ดีนะครับแต่พอลูกที่เสียเราโดนโฉบกองหน้าการท่าเรือเขาโหม่งสะบัดด้วยศรีษะด้านหลังหลัง เหมือนนัดที่ สุพรรณบุรี มาเยือนเรา ชนานันท์ ป้อมบุปผา โฉบมาโหม่งเหมือนเกมนี้”
“มันเลยทำให้เราเล่นยากเลยแต่ผมเชื่อว่าถ้าเรานำ 2-0 แล้วเล่นอย่างรัดกุมลูก 3 ลูก 4 มาแน่ แต่ผมยังไม่อยากพูดอะไรมากเมื่อกี้ก่อนเข้ามาแถลงข่าวหลังเกมก็กดดูโทรศัพท์ ก็มีเพื่อนอาชีพโค้ชบอกว่าทีมเราควรได้ลูกจุดโทษอยู่สองครั้งทั้งครึ่งแรกและครึ่งหลัง เดี๋ยวยังไงเดี๋ยวผมกลับไปดูเทปย้อนหลังอีกที เพราะผมเห็นไม่ชัด แต่ยังไงทุกๆเกมมันมีเรื่องของผู้ตัดสินให้พูดถึงตลอด”
“อย่างจังหวะแรกที่ผมเห็นจากการที่ กัณฑ์สิทธิ์ เปรมธนากุล กองหน้าของเรา กับ รัตนัย ส่องแสงจันทร์ การคนต่างเข้าหาบอลแต่ต้องดูว่าใครถึงบอลก่อน"
"แต่ในมุมของผมเป็นลูกทีมของทีมผมที่ถึงบอลก่อน และ ผู้รักษาประตูของการท่าเรือนั้นพุ่งเข้าหาเราเขาต้องผมคิดว่าต้องโดนใบแดงหรือเสียจุดโทษ เพราะมันไม่มีทางที่คนเข้าถึงบอลก่อนจะเสียฟาวล์ มันเป็นไปไม่ได้ แต่ยังไงเรายังไม่ดูภาพช้ามีแต่เพียงข้อความจากเพื่อนที่ส่งมาแน่นอนผู้ตัดสินก็ต้องเป่าให้ผู้รักษาประตูอยู่แล้วเพราะอยู่ในกรอบเขตโทษที่ต้องเซฟตัวผู้รักษาประตู”
“อีกจังหวะที่ผมเห็นคือลูกแฮนด์บอลในครึ่งเวลาหลังที่ผมเห็นเต็มๆและผมก็เดินไปหาผู้ตัดสินที่ 4 เขาบอกว่าให้ครับเพราะมันแฮนด์บอลในกรอบเขตโทษเต็มๆเลยครับแต่ผมก็บอกผู้ตัดสินที่4นะครับว่าคุณได้บอกผู้ตัดสินที่อยู่ในสนามรึเปล่า สุดท้ายเราก็ทำอะไรไม่ได้”
“จริงๆการท่าเรือนั้นเป็นทีมที่ดีแต่เพียงว่าวันนี้ กัปตันทีมของเขาอย่าง ดาบิด โรเชลา ไม่ได้มาช่วยทีมลงสนามเพราะมันทำให้งานของการท่าเรือนั้นยากขึ้น โชซิมาร์ ก็เจ็บก่อนเกมนี้หลายเกมมันทำยิ่งให้การท่าเรือมีงานที่ยากขึ้นไปอีก"
"เราก็มีปัญหาเช่นกันเมื่อในตำแหน่งฝั่งขวาของ เคนตะ ยามาซากิ ที่ถูกแบนเราบอกให้นักเตะทั้ง 13 คนทั้งตัวจริงตัวสำรองไปช่วยในตำแหน่งนั้นเพื่อให้ทีมควบคุมสถานการณ์การขาดหายไปของเคนตะ ไว้ให้ได้”
“แต่เกมนี้มีสิ่งหนึ่งที่ภูมิใจเมื่อลูกทีมผมพูดถึง เซร์คิโอ ซัวเรซ ว่าเขาเป็นผู้เล่นที่อันตรายตั้งแต่พบกันเมื่อเกมก่อน แต่วันนี้เขาสร้างความอันตรายกับเราได้น้อยมากเลย สำหรับผมมองว่า ปกรณ์ เปรมภักดิ์ ถือว่าเป็นคีย์แมนสำหรับ การท่าเรือ เลยเปิดบอลดีพาบอลขึ้นทำเกมได้เขาเป็นในความคิดผมถ้าปล่อยให้เขามีพื้นมีเวลาแล้วครอสบอลไปในกรอบเขตโทษตรงเป้าแน่นอนครับ”
“แต่วันนี้เราก็ซ้อมแผนมารับมือให้บีบเขาเล่นเท้าซ้ายให้มากที่สุดอีกอย่าง ปกรณ์ เขาเตะมุมเข้าบ่อยโดยเกมวันนี้เราก็ให้ผู้เล่นของเราหนึ่งคนไปบังการครอสเข้ามาของเขาระยะ 10 หลานี่คืออีกหนึ่งจุดที่อันตรายของการท่าเรือ และนี่ก็คืออีกหนึ่งแผนที่สร้างซ้อมาเพื่อให้ปกรณ์ เปรมภักดิ์ ออกบอลให้ยากที่สุดเห็นได้ว่าลูกครอสหรือลูกเตะบอลของการท่าเรือสร้างปัญหาให้เราได้น้อยมากเลย”
“ในที่สุดเราก็ชนะสักทีในเลกสองจริงๆผมนอนไม่ค่อยหลับนะการเป็นโค้ชแล้วทีมไม่ชนะแต่ผมก็ยังเชื่อมั่นมาโดยตลอดด้วยวิธีการเล่นของเราวันหนึ่งเราจะได้ผลการแข่งขันที่เราต้องการ ผมเชื่อในผู้เล่น ผมเชื่อในตัวเอง และผมเชื่อในระบบ” กุนซือไอริชร่ายยาวไปถึงแฟนบอล ประธานและผู้สนับสนุนรวมระเวลา 13 นาทีกว่า