วันเสาร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2560

ชีวิต 1 ปีการคุมเมืองทอง เขารู้สึกอย่างไร,การบ้านใหญ่ในปีนี้ เพราะความเป็น “ธตชวัน” หรือเปล่าที่มัดใจแข้งระดับทีมชาติได้

วันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา ถือเป็นการครบรอบ 1 ปีพอดีนับตั้งแต่วันที่ ธตชตัน ศรีปาน เปิดตัวก้าวมาคุมทีมยักษ์ใหญ่อย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ท่ามกลางแรงกดดันมากมาย
เพราะนับตั้งแต่คว้าแชมป์ไทยลีกแบบไร้พ่ายเมื่อปี 2012 ภายใต้การคุมทัพของ สลาวิซ่า โยคาโคนวิช จากนั้นกิเลนผยองก็ไม่มีความสำเร็จใดๆติดมือ และมีอันต้องใช้โค้ชต่างชาติไปถึง 4 ราย

นั่นจึงปฎิเสธไม่ได้ว่าการมาของ โค้ชแบน วัย 45 ปี ที่ไม่เคยมีประสบการณ์คุมทีมยักษ์ใหญ่เช่นนี้มาก่อน ทำให้เจ้าตัวถูกจับตามองเป็นพิเศษ อีกทั้งนอกจากเป็นกุนชาวไทยคนแรกในรอบ 7 ปีของสโมสรแล้ว เขายังเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องแบกรับความคาดหวังจากแฟนบอล ก่อนที่อดีตกองกลางระดับตำนานทีมชาติไทยรายนี้ จะพาทีมคืนสู่ความยิ่งใหญ่ได้สำเร็จ ด้วยการคว้าดับเบิ้ลแชมป์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ทั้งแชมป์โตโยต้า ไทยลีก และ โตโยต้า ลีกคัพ ฤดูกาล 2016


 สวัสดีครับพี่แบน เป็นยังไงบ้างครับที่หลังเพิ่งผ่านพ้นช่วงชีวิต 1 ปีในการคุม เมืองทอง

- ถือเป็น 1 ปีที่มีความสุขครับ ในเรื่องการทำงานกับนักเตะทีมชาติ แล้วเราเองก็ได้พิสูจน์ฝีมือ โอเค ทีมอาจมีศักยภาพผู้เล่นที่ดีอยู่แล้ว แต่มันก็ทำให้เราได้นำประสบการณ์หลายๆอย่างมาปรับใช้ ได้ฝึกปรือฝีมือกับนักฟุตบอลทีมชาติ ซึ่งมันทำให้เราได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างและมีความนิ่งมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา

ปีที่แล้วพี่แบนพาทีมกลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้ง แน่นอนว่าความคาดหวังย่อมสูงขึ้นกว่าเดิม การบ้านใหญ่ในปีนี้สำหรับพี่แบนคืออะไร

- การบ้านใหญ่ก็น่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนผู้เล่นจากปีที่แล้วหลายตัวเหมือนกัน เกือบ 4-5 คนที่เป็นตัวหลักๆย้ายออกไป ทำให้ความสัมพันธ์ในการเล่น เรื่องของความเข้าใจในเกมบางช่วงขาดหายไป มันก็ทำให้เราต้องปรับ ขณะเดียวกันเวลาผู้เล่นไปทีมชาติแล้วไม่ได้ค่อยซ้อมด้วยกัน มันทำให้ความสัมพันธ์ในทีมหายไปมากด้วย เพราะฉะนั้นปีที่แล้วกับปีนี้ มันจะแตกต่างกันคือเราต้องใช้เวลาปรับโดยเร็วที่สุด แต่มันก็บอกไม่ได้ว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่ อย่างปีที่แล้วกว่าจะลงตัวก็ใช้เวลาถึง 7-8 แมตซ์


 ปีนี้ เมืองทอง เสียผู้เล่นตัวหลักๆอย่าง เคลตัน และ ธนบูรณ์ ออกไปแล้วได้ผู้เล่นใหม่ๆเข้ามา สำหรับพี่แบนทีมชุดที่แล้วกับชุดปัจจุบันต่างกันอย่างไรบ้างครับ

 - ก็อาจแตกต่างในเรื่องของความสัมพันธ์ ความเข้าใจแหละ เพราะชุดที่แล้วเขาเล่นทีมชาติด้วยแล้วเด็กเล่นด้วยกันมานาน ทำให้ความกลมกลืนในเกมการเล่น เกมพาสซิ่ง (ผ่านบอล) สวยๆงามๆมีความเข้าใจสูงกว่า เราแค่ใส่แท็คติคลงไปทุกอย่างก็ลงล็อคแล้ว

แต่ปีนี้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่นเก่าและใหม่ยังไม่ลงล็อคแล้วก็ทำให้การปรับจูนในแท็คติคยังไม่เต็มร้อย ก็ต้องทำงานหนักพอสมควรทำให้เขาเข้าใจ และต้องใช้เวลาต่อเนื่องเพราะเรามักมีช่วงเวลาผู้เล่นไปทีมชาติกันด้วย


มันไม่ใช่เรื่องง่ายกับการทำให้ผู้เล่นระดับทีมชาติในทีมยอมรับ แต่หลายคนคิดว่าเพราะความเป็นพี่แบนหรือเปล่า

- เรื่องพวกนี้มันบอกไม่ได้ว่าต้องทำยังไง มันอยู่ที่คนมาทำมากกว่าต้องทำให้เด็กเชื่อมั่นและศรัทธาเอง เมื่อทำได้เด็กก็จะเล่นตามเรา และก็ต้องรู้จักใจเขาใจเรา เหมือนอย่างเราเคยเล่นทีมชาติมาก่อน ก็พยายามปรับจูน ทำให้เขาสบายใจที่จะอยู่กับเรามากที่สุด ให้ใจเราในการลงไปเล่นมากที่สุด

มันไม่ใช่เพราะความเป็น ธชตวัน ศรีปาน หรอก แม้อย่างผม หรือ ซิโก้ (เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง) จะมีต้นทุนมาอยู่แล้วเพราะเด็กเคยเห็นเราเล่นในทีมชาติ เขาก็อาจมีความเชื่อมั่นและศรัทธา แต่หลังจากนั้นไปมันคือการทำงานของเราที่ต้องทำให้เขาเชื่อมั่นต่อไป มันไม่ใช่ว่าแค่เป็น ธชตวัน แล้วเขาจะทำให้เราตลอด มันมีอีกหลายอย่าง เช่น เรื่องแท็คติคที่เราให้เขาเล่นแล้วทีมประสบความสำเร็จไหม ถ้ามันโอเคเขาก็เชื่อมั่นในตัวเรา มันอยู่ที่การทำงานหนักของเรามากกว่า

เราเห็นบุคลิกพี่แบนค่อนข้างเงียบขรึม แท้จริงแล้วก่อนเกมมีการปลุกใจลูกทีมเป็นพิเศษหรือเปล่า

- ไม่ค่อยมีนะ จะใส่รายละเอียดแท็คติคมากกว่า ให้เขาเล่นเพื่อทีมเท่านั้นเอง แล้วก็พยายามบอกให้เชื่อมั่นในเพื่อนร่วมทีมทั้งหมด และก็มีสมาธิกับเกมเท่านั้นเอง เป็นจิตวิทยาง่ายๆทั่วไป ที่สำคัญย้ำตลอดว่าทุกเกมไม่ง่ายเพื่อให้ไม่ประมาท


คำถามสุดท้ายหลังจากผ่านชีวิต 1 ปีที่เมืองทอง พี่แบนกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกแรกๆของกุนซือใหม่ทีมชาติไทย แต่เวลานี้ยังคงยืนยันว่าไม่พร้อม ?

"ยังไม่พร้อมครับ อย่างที่เคยบอกไปทั้งเรื่องประสบการณ์ เรื่องของความที่เรายังไม่เคยคิดจะเป็นโค้ชทีมชาติ แล้วก็เรื่องความรู้ที่เรามีอาจยังไม่มากพอ ยังคิดว่าต้องเติมเต็มความรู้ให้ก้าวทันกับระดับเอเชียหรือยุโรปให้ได้ก่อน"

"ตอนนี้เรายังทำงานแบบไทยๆอยู่ในเรื่องของแบบแผนการทำงาน ซึ่งยังต้องพัฒนาตัวเองให้เกิดความเชื่อมั่นจากคนในวงการฟุตบอลให้ได้ก่อนถึงจะกล้ารับ"

"อย่างไรก็ตามยืนยันว่าที่ไม่รับงานไม่เกี่ยวว่าเป็นเพื่อนกับ ซิโก้ (เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง) มันเป็นเรื่องอย่างที่บอกมากกว่า ซึ่งยังรู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งพอ"

Translate

บทความที่ได้รับความนิยม

ผู้ติดตาม