ESPN ทึ่ง! 'ราเยวัช' คุมไทยต่างจากซิโก้ เตือน 'ออสซี' บอลโลกระวังเจอดี
อีเอสพีเอ็น สื่อกีฬาชื่อดังของโลกจัดทำสกู๊ปทึ่งผลงานของ มิโลวาน ราเยวัช ที่เข้ามาทำทีมชาติไทยแข็งแกร่งกว่าเดิม พร้อมกับออกโรงเตือน ออสเตรเลีย ในศึกฟุตบอลโลกจะเจองานที่หนักกว่าเดิมแน่
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 17 ก.ค. ว่า พอล เมอร์ฟี ผู้สื่อข่าวชื่อดังของ "อีเอสพีเอ็น" สื่อกีฬาชื่อดังของโลกเขียนสกู๊ป ทีมชาติไทย ในยุคของมิโลวานราเยวัช แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม หลังจากคว้าแชมป์คิงส์คัพ ครั้งที่ 45 พร้อมกับส่งสัญญาณเตือนถึงงานยากของ ออสเตรเลียที่จะเจอกับขุนพลช้างศึกในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชียรอบ 12 ทีมสุดท้าย กลุ่มบี นัดต่อไป
ทัพช้างศึกของราเยวัชคว้าแชมป์คิงส์คัพสมัยที่ 15 โดยไม่เสียประตูแม้แต่ลูกเดียว โดยกวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ คือฮีโร่เซฟสองจุดโทษพาทีมชาติไทยเอาชนะ เบลารุสในการดวลเป้า 5-4 พร้อมกับคว้าแชมป์ท่ามกลางแฟนบอลชาวไทยที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน
แต่ไฮไลต์สำคัญยิ่งกว่าการคว้าแชมป์คือการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของแผงเกมรับทีมชาติไทยในยุคของ ราเยวัช โดยกุนซือชาวเซอร์เบียเข้ามาทำทีม 3 นัดเสียประตุไปแค่ลูกเดียวเท่านั้นและเป็นการเสียประตูในช่วงทดเจ็บให้กับสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ ในฟุตบอลโลก
ซึ่งหากเปรียบเทียบกับก่อนที่ มิโลวาน ราเยวัช จะเข้ามา "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ทำเกมรับของทีมชาติไทยปวกเปียกพ่ายเละต่อซาอุดิอาระเบีย และ ญี่ปุ่น ซึ่งนั่นคือฟางเส้นสุดท้ายทำให้เขาต้องขอลาออกจากทีมชาติไทย
การเข้ามาเทคโอเวอร์ทีมชาติไทยต่อจากซิโก้ ของราเยวัช เขาซ่อมแซมเกมรับจากที่ปวกเปียกเป็นจุดอ่อนปรับปรุงพัฒนาอย่างรวดเร็วเป็นอันดับแรก จนตอนนี้แข็งแกร่งแบบเหลือเชื่อแล้ว แม้ว่าคู่ต่อสู้ในคิงส์คัพทั้งเกาหลีเหนือ และ เบลารุส จะยังไม่ได้แข็งแกร่งมากนักก็ตามทีหากจะเปรียบเทียบกับศึกต่อไปที่จะต้องเผชิญหน้ากับออสเตรเลียที่มี ทอม โรยิช นำทัพที่เมลเบิร์น
อย่างไรก็ดี การโฟกัสอย่างแรกของ ราเยวัช คือการมีเกมรับที่เหนียวแน่นซึ่งนั่นคือเรื่องยากสำหรับลูกทีมของ อันเก ปอสเตโคกลู ซึ่งพวกเขาต้องการชัยชนะสถานเดียวเพื่อโอกาสในการไปบอลโลก 2018 รอบสุดท้ายที่ประเทศรัสเซีย
สำหรับนัดแรกของทีมชาติไทย กับ ออสเตรเลีย ในยุคของซิโก้ เสมอกันไปแบบสุดมัน 2-2
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 17 ก.ค. ว่า พอล เมอร์ฟี ผู้สื่อข่าวชื่อดังของ "อีเอสพีเอ็น" สื่อกีฬาชื่อดังของโลกเขียนสกู๊ป ทีมชาติไทย ในยุคของมิโลวานราเยวัช แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม หลังจากคว้าแชมป์คิงส์คัพ ครั้งที่ 45 พร้อมกับส่งสัญญาณเตือนถึงงานยากของ ออสเตรเลียที่จะเจอกับขุนพลช้างศึกในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชียรอบ 12 ทีมสุดท้าย กลุ่มบี นัดต่อไป
ทัพช้างศึกของราเยวัชคว้าแชมป์คิงส์คัพสมัยที่ 15 โดยไม่เสียประตูแม้แต่ลูกเดียว โดยกวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ คือฮีโร่เซฟสองจุดโทษพาทีมชาติไทยเอาชนะ เบลารุสในการดวลเป้า 5-4 พร้อมกับคว้าแชมป์ท่ามกลางแฟนบอลชาวไทยที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน
แต่ไฮไลต์สำคัญยิ่งกว่าการคว้าแชมป์คือการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของแผงเกมรับทีมชาติไทยในยุคของ ราเยวัช โดยกุนซือชาวเซอร์เบียเข้ามาทำทีม 3 นัดเสียประตุไปแค่ลูกเดียวเท่านั้นและเป็นการเสียประตูในช่วงทดเจ็บให้กับสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ ในฟุตบอลโลก
ซึ่งหากเปรียบเทียบกับก่อนที่ มิโลวาน ราเยวัช จะเข้ามา "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ทำเกมรับของทีมชาติไทยปวกเปียกพ่ายเละต่อซาอุดิอาระเบีย และ ญี่ปุ่น ซึ่งนั่นคือฟางเส้นสุดท้ายทำให้เขาต้องขอลาออกจากทีมชาติไทย
การเข้ามาเทคโอเวอร์ทีมชาติไทยต่อจากซิโก้ ของราเยวัช เขาซ่อมแซมเกมรับจากที่ปวกเปียกเป็นจุดอ่อนปรับปรุงพัฒนาอย่างรวดเร็วเป็นอันดับแรก จนตอนนี้แข็งแกร่งแบบเหลือเชื่อแล้ว แม้ว่าคู่ต่อสู้ในคิงส์คัพทั้งเกาหลีเหนือ และ เบลารุส จะยังไม่ได้แข็งแกร่งมากนักก็ตามทีหากจะเปรียบเทียบกับศึกต่อไปที่จะต้องเผชิญหน้ากับออสเตรเลียที่มี ทอม โรยิช นำทัพที่เมลเบิร์น
อย่างไรก็ดี การโฟกัสอย่างแรกของ ราเยวัช คือการมีเกมรับที่เหนียวแน่นซึ่งนั่นคือเรื่องยากสำหรับลูกทีมของ อันเก ปอสเตโคกลู ซึ่งพวกเขาต้องการชัยชนะสถานเดียวเพื่อโอกาสในการไปบอลโลก 2018 รอบสุดท้ายที่ประเทศรัสเซีย
สำหรับนัดแรกของทีมชาติไทย กับ ออสเตรเลีย ในยุคของซิโก้ เสมอกันไปแบบสุดมัน 2-2