วันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2560

6 ปัจจัยที่ทำให้กิเลนผยองฟอร์มกระฉูดในศึก ACL 2017

เอสซีจี เมืองทองฯ ยูไนเต็ด สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับสโมสรด้วยการผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ศึกฟุตบอลเอเอฟซี ชปล.
ได้เป็นครั้งแรก หลังวานนี้เปิดบ้านถล่มบริสเบน โรร์ จากออสเตรเลียไป 3-0 โดยมีโปรแกรมนัดสุดท้ายอีกเกมที่จะบุกไปเยือนคาชิม่า แอนท์เลอร์ส 10 พ.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นเกมนัดชิงแชมป์ของกลุ่มอี


ศึกฟุตบอลรายการใหญ่ของเอเชีย ผ่านไปแล้ว 5 เกม ซึ่งตัวแทนหนึ่งเดี่ยวจากไทยลีกอย่าง "กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ก็สร้างผลงานสุดเซอร์ไพรส์ ด้วยการนำเป็นแชมป์กลุ่มอี ด้วยผลงานชนะ 3 เสมอ 2 ยังไม่แพ้ใคร เก็บได้ 11 คะแนน ยิงได้ 6 ประตู เสีย 1 มีผลงานที่ดีกว่าแชมป์เจลีกอย่าง คาชิม่า เเอนท์เลอร์ส เพื่อนร่วมสาย รวมทั้งทีมแกร่งจากเคลีกอย่างอุลซาน และยอดทีมเอลีกอย่าง บริสเบน โรร์ ซึ่งสองทีมหลังนั้นกอดคอกันตกรอบไปเรียบร้อยแล้ว
ในฤดูกาลนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่ทีมแชมป์ไทยลีก 4 สมัยได้ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายของเอเอฟซี ชปล. และเป็นครั้งแรกที่ผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาท์ ซึ่งก่อนเปิดฤดูกาล ก็คงไม่มีใครคาดคิดว่า "กิเลนผยอง" จะทำผลงานได้แจ่มว้าวขนาดนี้ และต่อจากนี้ไปคือ 6 ปัจจัยสำคัญที่มีส่วนทำให้เอสซีจี เมืองทองฯ โชว์ผลงานได้กระฉูดในเวทีเอเชียซีซั่นนี้

1.แท็คติกของกุนซือ ธชตัวน ศรีปาน



แน่นอนว่าที่ผลงานของเอสซีจี เมืองทองฯ ในฤดูกาลนี้โชว์ผลงานยอดเยี่ยมทั้งในลีกและเอซีแอล คนที่ควรได้รับคำชมมากที่สุดคนหนึ่งก็คือ "โค้ชแบน" ธชตวัน ศรีปาน กุนซือใหญ่ แม้ใครจะบอกว่าเมืองทองมีนักเตะทีมชาติทั้งทีม ใครคุมก็แชมป์นั้น ผมว่ามันไม่จริงนะครับ หลายๆ เกมถ้าลงลึกไปที่รายละเอียดแท็กติกการเล่นต่างๆ ในแต่ละนัด ซึ่งบางเกมก็จะเกิดคำถามว่าทำไมนักเตะคนนี้ได้ลง ทำไมคนนั้นไม่ได้ลง แต่สุดท้ายแล้วผลงานในสนามคือคำตอบว่าสิ่งที่โค้ชแบนคิดและทำลงไปนั้นมันเพราะเหตุอันใด

ต้องยอมว่าแท็กติกการเล่นในทุกเกมของเมืองทองฯ นั้นมาจากการวางแผนอันแยบยลของ "สุภาพบุรุษลูกหนังเมืองไทย" ซึ่งในหลายๆ เกมเราจะเห็นนักเตะออกมาให้สัมภาษณ์ทั้งก่อนเกมและหลังเกมว่า ทุกคนเล่นตามแท็กติกที่พี่แบนบอก ดังนั้นแน่นอนว่าที่ผลงานออกมายอดเยี่ยมกระเทียมเจียวแบบนี้ก็เพราะมีกุนซือที่ดีและเก่งอย่าง ธชตวัน ศรีปาน นั่นเอง 

2.แข้งต่างชาติระดับพรีเมี่ยม


อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ทีมกิเลนผยองมีความแกร่งทั่วแผ่นแบบนี้ก็คือบรรดาผู้เล่นต่างชาติ ปีนี้ใช้บริการ 4 คน ไม่นับ คลีตัน ซิลวา ที่ย้ายไปแล้ว ในศึกเอซีแอล ก็คือ 4 คนนี้ที่เป็นหัวใจของทีม นั่นก็คือ คู่ปราการหลังสุดแกร่งอย่าง นาโออากิ อาโอยามะ กับ เซลิโอ ซานโตส ที่มาจับคู่กันแล้วกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัว โดยเฉพาะในรายของ เซลิโอ นั้นได้รับแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ถึง 2 ครั้งในเกมที่บุกไปเสมออุลซาน และ เกมเปิดบ้านชนะอุลซานอีกเกม ทำให้ตอนนี้ปราการหลังแซมบ้ากลายเป็นหัวใจในเกมรับของกิเลนผยองไปแล้ว


คนต่อมาคือ อี โฮ กองกลางห้องเครื่องคนสำคัญ ดีกรีอดีตทีมชาติเกาหลีใต้ เรื่องของประสบการณ์ไม่ต้องพูดถึง ซึ่งการมาของโอบป้าอี โฮ นั้นทำให้แฟนกิเลนผยองลืม ธนบูรณ์ ไปเลย คนสุดท้ายก็คือ ซิสโก้ ฆิมิเนซ กองหน้าตัวเป้าชาวสเปน ที่แม้ว่าผลงานโดยรวมจะไม่โดดเด่นและไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับทีมมากนัก แต่ก็เป็นกองหน้าที่ยิงประตูสำคัญได้เสมอ ซึ่งอดีตดาวยิงสาลิกาดงก็ซัดใน เอซีแอล ไปแล้วสองประตู

3.อุดมไปด้วยทีมชาติ



เมื่อมีแข้งทีมชาติระดับท็อปของเอเชียแล้ว ก็ถือเป็นส่วนผสมที่ลงตัวเมื่อมารวมกับแข้งไทยของทีมกิเลนผยอง ที่อุดมไปด้วยนักเตะระดับทีมชาติไทยเกือบทั้งทีม ซึ่งตรงจุดนี้เองที่ทำให้เอสซีจี เมืองทองฯ สู้กับทีมชั้นนำของเอเชียได้อย่างดีเยี่ยม เพราะเหมือนเราเอาทีมชาติไปแข่งกับทีมสโมสรของเขาบวกกับตัวต่างชาติที่ดีเข้าไปอีก ทำให้กิเลนผยองแกร่งกว่าทีมชาติไทยด้วยซ้ำไป และเมื่อไปเทียบกับตัวผู้เล่นทีมอื่นๆ อย่าง คาชิม่า แอนท์เลอร์ส ที่ถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งของในฐานะแชมป์เจลีก ลีกที่ดีที่สุดในเอเชีย แต่ก็ต้องปราชัยให้แชมป์ไทยลีกในนัดแรกที่พบกัน

สำหรับคาชิม่า นั่นเก่งจริง แต่ทรัพยากรในทีมถ้ามาเทียบตัวต่อตัว บอกตามตรงผมคิดว่าเมืองทองฯ ดีกว่า โดยเฉพาะแข้งต่างชาติของเรากินขาด ส่วนตัวญี่ปุ่น กับตัวไทยก็สูสี แต่ของเขาเป็นระดับแข้งเกรดเอในเจลีก แต่ของเรามันแข้งทีมชาติไทย กลับกันถ้าเขาเต็มไปด้วยแข้งทีมชาติญี่ปุ่น เราเองก็สู้เขาไม่ได้แน่นอน 
ทีมอย่างอุลซาน ไม่ต้องพูดถึง ตัวเกาหลีไม่ได้ดีกว่าแข้งทีมชาติเราเลย ตัวนอกก็ธรรมดา ส่วนบริสเบน นี่หนักเลย แถมเกมสุดท้ายมาแบบไม่สู้ด้วยซะงั้น แต่อย่างไรก็ดีคู่แข่งในรอบต่อไปของเอสซีจี เมืองทองฯ แน่นอนว่าจะต้องแกร่งกว่าคู่แข่งในรอบแบ่งกลุ่มมาก ตอนนี้ก็หวังว่าจะไม่ไปเจอกว่างโจว แอฟเวอร์แกรนด์ของ สโคลารี่ ก็แล้วกัน เพราะตัวจีนก็ทีมชาติทั้งนั้น ส่วนแข้งนอกก็ระดับโลก ดูแล้วเหนื่อยถ้าต้องเจอ 

4.เมสซี่เจ ฟอร์มพีคสุดๆ



อีกคนที่ก็ต้องชมไม่แพ้กันนั่นก็คือ "เมสซี่เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลย์เมกเกอร์ร่างเล็กตัวจี๊ดของทีม ที่ตอนนี้คว้าแมน ออฟ เดอะ เเมตช์ ไปแล้ว 3 เกมใน 5 นัดที่ผ่านมา บ้าไปแล้ว มันเป็นเรื่องที่ยากมากที่นักเตะคนนึงจะทำได้แบบนี้ ลำพังจะคว้านักเตะยอดเยี่ยมสักเกมนึงก็ยากแล้ว นี่เล่นไปถึง 3 เกม 

ใครที่ได้ดูฟอร์มของเอสซีจี เมืองทองฯ มาตลอดก็คงจะได้เห็นฟอร์มของ ชนาธิป ในปีนี้ว่ามันยอดเยี่ยมแค่ไหน ไม่รู้จะใช้คำไหนมาเชิดชูฟอร์มของเมสซี่เจ อีกแล้ว นี่ถือเป็นปรากฎการณ์ของวงการฟุตบอลไทยที่เราได้มีนักเตะระดับนี้ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังของทีมชาติ
ด้วยผลงานส่วนตัวของ ชนาธิป ที่เล่นได้ดีทุกเกมที่ลงสนาม จึงทำให้ผลงานของทีมก็ดีตามไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม เมสซี่เจ ก็คงจะอยู่ช่วยทีมได้เพียงแค่รอบ 16 ทีมเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ต้องย้ายไปค้าแข้งที่ญี่ปุ่น นั่นคือปัญหาของโค้ชแบน และทีมกิเลนผยอง ที่จะต้องหาคนมาแทนในตำแหน่งของ เมสซี่เจ ให้ได้หากเข้าไปรอบลึกกว่านี้

5.โปรแกรมลงล็อกและสถานการณ์เป็นใจ

เรื่องของโปรแกรมการแข่งขันก็มีส่วนเช่นกัน โดยเฉพาะโปรแกรมลงเล่นในบ้านก็ดูจะเป็นใจทั้งสามนัด อย่างเกมแรกที่แม้จะต้องไปเล่นที่สนามศุภชลาศัย แต่การที่เจอคาชิม่า แล้วได้เล่นในบ้านก่อนก็ดีกว่าไปเยือนก่อนอยู่แล้ว ซึ่งตอนนั้นอากาศที่ญี่ปุ่นหนาว พอมาเจออากาศบ้านเราที่ร้อนคาชิม่า ก็เสียศูนย์แพ้ไปเหมือนกัน แต่เกมนั้นก็ต้องชมเกมรับของเมืองทองฯ ที่หยุดแนวรุกคาชิม่าได้หมดเลย

อย่างเกมที่สองที่เจออุลซาน ก็เหมือนกันเรื่องสภาพอากาศมีผล ที่เกาหลียังหนาวจัดพอมาเจอร้อนจัดที่ไทยเห็นได้ชัดว่าแข้งเกาหลีก็เล่นไม่ออกเช่นกัน โดยเฉพาะ ออซิค แข้งที่อันตรายที่สุดของอุลซาน เจอโค้ชแบน ดักทางด้วยการส่ง มงคล ทศไกร ไปตามประกบก็ทำให้เล่นไม่ออก และเมื่อหมอนี่เล่นไม่ออก อุลซานก็กลายเป็นทีมที่ไม่มีอะไรเลย
ขณะที่เกมสุดท้ายที่ได้เล่นในบ้านซึ่งเป็นนัดชี้ชะตาเข้ารอบก้มาเจอกับบริสเบน ที่กำลังขับเขี่ยวแชมป์เอลีก ทำให้มีห่วงไม่กล้าเอาชุดใหญ่มา ส่งมาแต่สำรองกับดาวรุ่ง สุดท้ายก็โดนไปตามระเบียบ ซึ่งทั้งหมดมันถือเป็นโชคดีที่โปรแกรมมันเอื้อต่อเมืองทองฯ และทุกอย่างก็ดูจะเป็นใจไปหมด

6.แฟนบอลหนุนหลัง



สุดท้ายเลยก็คือเรื่องของแฟนบอล จะเห็นได้ว่าทุกนัดที่เมืองทองฯ ลงสนาม ทั้งเกมในบ้านและนอกบ้าน อย่างเกมที่เล่นที่ศุภชลาศัย และที่เอสซีจี สเตเดี้ยม นั้นแฟนบอลเต็มสนามทุกนัด ส่วนเกมเยือนก้มีแฟนบอลเข้าไปเชียร์พอสมควร ผิดกับทีมคู่แข่ง ที่มีเพียง คาชิม่า เท่านั้นที่มีแฟนบอลเยอะ นอกนั้น อุลซาน กับ บริสเบน ขนาดเล่นในบ้านแฟนบอลยังแทบนับหัวได้ ดังนั้นเรื่องของเสียงเชียร์สำคัญ

โดยในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ไม่ว่าจะเจอใครอย่างน้อย เอสซีจี เมืองทองฯ ก็จะได้เล่นในบ้านตัวเองนัดนึง ซึ่งแน่นอนว่าแฟนบอลจะต้องเข้าไปเต็มสนามแน่นอน และมันก็มีส่วนอย่างมากที่จะทำให้เราสามารถล้มทีมผู้มาเยือนได้ ไม่ว่าคู่แข่งจะเก่งมาจากไหนก็ตาม
แน่นอนว่าถึงตรงนี้ทีมกิเลนผยอง ก็ทำได้ตามเป้าหมายของตัวเองในเอซีแอลไปแล้วหนึ่งขั้น นั่นคือการผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ได้สำเร็จ หลังจากนี้ก็ถือเป็นโบนัสแล้ว แต่ก็แน่นอนว่ามาถึงตรงนี้แล้วก็คงไม่อยากจอดป้ายแค่รอบ 16 ทีมเป็นแน่ ก็คงหวังที่จะไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไปได้ อย่างไรก็ดีแฟนบอลชาวไทยก็คงเอาใจช่วยตัวแทนจากประเทศไทยแน่นอน

Translate

บทความที่ได้รับความนิยม

ผู้ติดตาม