[เล่นให้ฟัง] จอนาตา แวร์ซูร่า ดาวยืมสูงสุด/เปลี่ยนตำแหน่งจนได้ดี
และแจ้งเกิดกับตำแหน่งใหม่จนพาตัวเองก้าวเข้าสู่ทัพ “ช้างศึก” ได้แบบที่เจ้าตัวเองยังแทบไม่อยากเชื่อ...
จอนาตา แวร์ซูร่า แข้งวัย 24 ปี จาก อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด ก่อนหน้านี้อาจไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ในศึกโตโยต้า ไทยลีก 2017 ตลอด 6 นัดที่ผ่านมา เขาได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงและโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมจนถูกเรียกตัวติดทีมชาติเป็นครั้งแรกในชีวิต...เขาเป็นใครมาจากไหน? ฝีเท้าและเรื่องราวชีวิตค้าแข้งของเขาเป็นอย่างไร?
แข้งลูกครึ่งไทย-อิตาลี มีพ่อเป็นชาวอิตาเลียน กับคุณแม่คนไทย เกิดและเติบโตที่ประเทศไทยมาโดยตลอด เริ่มสัมผัสกับลูกหนังตั้งแต่สมัยยังเรียนชั้น ป.1 หลังผ่านการคัดตัวเข้าเรียนที่โรงเรียนเพ็ญสมิทธ์ด้วยกีฬาฟุตซอล พร้อมกับน้องชายฝาแฝด อันโตนิโอ โดยเดินสายโต๊ะเล็กเป็นหลักจนถึงชั้น ป.6 และมีบางครั้งที่ได้ลงเล่นฟุตบอลอยู่บ้าง
ช่วงมัธยม “จอห์น” ยังอยู่ที่สถาบันเดินจนจบชั้น ม.6 และผันตัวลงเล่นบนผืนหญ้าอย่างเต็มตัวกับตำแหน่งริมเส้นฝั่งขวา ผ่านการแข่งขันในศึกถ้วยพระราชทาน ง, ไพรม์มินิสเตอร์คัพ, แชมป์กีฬา 7 สี และเคยติดทีมชาติชุดนักเรียนไทย ชุดแชมป์ฟุตบอลนักเรียน 18 ปี เมื่อปี 2010 ที่เกาหลีใต้ มาแล้ว ในรุ่นราวคราวเดียวกับ ชนินทร์ แซ่เอียะ, นูรูล ศรียานเก็ม และ พุทธินันท์ วรรณศรี
ในช่วงที่เขายังเรียนชั้นมัธยมปลายนั้น ทางโรงเรียนเพ็ญสมิทธ์ เป็นพันธมิตรลูกหนังกับ บางกอกกล๊าส เอฟซี ทว่าการฝึกซ้อมของเขากับทีมเยาวชน “กระต่ายแก้ว” นั้น กลับไม่เห็นวี่แววว่าจะได้รับสัญญาเป็นนักเตะของอะคาเดมีเสียที จึงควงแขนน้องชายฝาแฝด พาดกันไปลองฝึกซ้อมกับ โอสถสภา ตามคำชวนของนักเตะรุ่นน้องอย่าง ธนาสิทธิ์ ศิริผลา ที่เป็นนักเตะเยาวชนของทีม “พลังเอ็ม” อยู่แล้ว
หลังฝึกซ้อมกับ โอสถสภา ได้สักพัก ทางสโมสรก็เปิดคัดตัวนักเตะเข้าอะคาเดมี โดย จอนาตา ใช้เวลาเพียงแค่ 2 วันเท่านั้น ก็ได้รับการเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพครั้งแรกในชีวิตพร้อมกับน้องชาย
เหตุผลที่ต้องรู้จักเขา
ช่วงเวลา 2 ปี ก่อนขึ้นทีมชุดใหญ่ของโอสถสภา “จอห์น” ที่เล่นอยู่กับทีมเยาวชน มีฝีเท้าเก่งกาจจนถูก สระแก้ว ซิตี้ ทีมระดับดิวิชั่น 2 ติดต่อขอยืมตัวไปร่วมทีม ในช่วงเลกสองของฤดูกาล 2011 และได้รับโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะกลับมายังต้นสังกัดที่แท้จริงหลังจบฤดูกาล และถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ทันทีในปีต่อมา
ทว่าสองปีแรกกับทีมชุดใหญ่ของ โอสถสภา ของเขากลับไม่ราบรื่นอย่างที่คิด เมื่อแทบไม่ได้รับโอกาสลงสนามเลย ซึ่งเจ้าตัวก็ได้เรียนรู้ว่า ฟุตบอลอาชีพนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด และต่างกับระดับเยาวชนโดยสิ้นเชิง เลกแรกของปีต่อมา ก็ยังพิสูจน์ตัวเองไม่ได้เช่นเคย ทำให้เขาตัดสินใจไปเก็บเกี่ยวประการณ์ด้วยการยืมตัวที่ ภูเก็ต เอฟซี
ช่วงแรกกับทัพ “อินทรีอันดามัน” เขากลับไม่ค่อยได้รับโอกาสเท่าไหร่นัก แถมยังมีปัญหาอาการบาดเจ็บที่ใบหน้า จากอุบัติเหตุระหว่างฝึกซ้อม เมื่อถูกรองเท้าสตั๊ดของ วสันต์ ทานะสัน ยันเข้าที่หน้า จนเป็นแผลแตก 3 จุด เย็บรวมกันกว่า 15 เข็ม และต้องพักรักษาตัวนานนับเดือน และโชคร้ายซ้ำสองเมื่อหายเจ็บกลับมาแล้วเรียกความฟิตไม่ทันก่อนปิดฤดูกาล จนหมดสัญญายืมตัวกลับรังโอสถ
อันที่จริงแล้ว หลังกับจาก ภูเก็ต ในปี 2015 เขากำลังจะถูกปล่อยยืมตัวอีกครั้ง แต่เกิดบาดเจ็บกล้ามเนื้อกระตุก ก่อนหายแล้วเจ็บซ้ำต่อที่ข้อเท้า ทำให้ต้องตัดสินใจอยู่รักษาตัวกับทีมต่อไปจนถึงช่วงเลกสอง ที่ได้ย้ายไปเล่นกับ วานา นาวา หัวหิน ซิตี้ ในยุคของ “โค้ชไข่” อภิสิทธิ์ ไข่แก้ว ที่ “จอห์น” ได้รับโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่องทั้งครึ่งฤดูกาลหลัง จนสามารถเรียกความมั่นใจกลับมาได้อีกครั้ง
ปีต่อมา เขาถูกปล่อยยืมตัวแบบเต็มฤดูกาลให้กับ อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด และได้ประเดิมสนามนัดแรกทันทีในฐานะตัวสำรอง รวมแล้วทั้งฤดูกาลลงเล่นในลีกไปมากกว่า 20 นัด แต่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงเพียงนัดเดียว ส่วนในบอลถ้วยนั้นออกสตาร์ทเป็นตัวจริงถึง 6 ครั้ง ก่อนถูกเซ็นสัญญาร่วมทีมแบบถาวรเมื่อช่วงต้นฤดูกาล 2017
ต่อมา สก็อตต์ คูเปอร์ กุนซือ “เทพอินทรี” ได้เรียกตัว จอนาตา ไปคุยเป็นการส่วนตัว หลังเห็นศักยภาพในการซ้อมที่ขยันไล่บอล ประกอบกับอ่านเกมได้ดี และบอกกับเขาว่า “ต่อไปนี้ไม่ต้องเล่นปีกแล้ว” ก่อนจับซ้อมพร้อมลงเล่นตำแหน่งกองกลางตัวรับในช่วงปรี-ซีซั่น จนสามารถยึดตัวจริงได้ทั้ง 6 นัดติดในศึกโตโยต้า ไทยลีก 2017 จนถูก “โค้ชซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เรียกตัวติดทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในชีวิต
จุดแข็ง
ความเร็วที่ติดตัวมาจากการเล่นเป็นปีกมาตั้งแต่สมัยเรียน เมื่อมารวมกับการอ่านเกม และการแย่งบอล ที่ได้รับการฝึกฝนมาตลอดช่วงปรี-ซีซั่น ทำให้เขากลายเป็นกองกลางตัวรับที่โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น และด้วยโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขายังพัฒนาต่อไปได้อีกในอนาคต
จุดอ่อน
เช่นเดียวกันกับการที่เคยเล่นตำแหน่งริมเส้นมาก่อน ทำให้สภาพร่างกายของเขานั้น อาจไม่ได้ถูกเสริมมาเมื่อเข้าปะทะตั้งแต่แรก และยังมีขนาดตัวที่ไม่ใหญ่เท่าไหร่นัก เวลาเจอกับผู้เล่นต่างชาติที่มมีรูปร่างสูงใหญ่ ก็เป็นปัญหาสำหรับเขาพอสมควร
รู้หรือไม่?
ย้อนกลับไปตอนสมัยยังเล่นฟุตซอลให้โรงเรียนเพ็ญสมิทธ์ “จอห์น” และน้องชายฝาแฝด เคยลงแข่งขันรายการเจ-เพรส รอบชิงแชมป์ประเทศ ที่สถาบันของเขาพลาดท่าตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ทว่าในรอบชิงชนะเลิศ มีนักข่าวท่านหนึ่งโทรศัพท์ตามเขาไปรับรางวัลดาวซัลโวร่วมกับ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ แต่เมื่อไปถึงกลับกลายเป็นว่าผู้ตัดสินจดบันทึกลูกยิงของเขาเป็นชื่อน้องชาย ทำให้พลาดรางวัลไปแบบงงๆ
โปรดติดตามตอนต่อไป…
แม้จะเป็นหน้าใหม่ในทัพ “ช้างศึก” แต่แข้งหนุ่มลูกครึ่งรายนี้ก็หวังอย่างยิ่งว่าจะทำผลงานระหว่างช่วงเก็บตัวอย่างสุดความสามารถจนมีชื่อเป็น 23 คนสุดท้ายให้ได้ และต้องการปักหลักยืนระยะเป็น 11 ตัวจริงของ “เทพอินทรี” ให้ได้จนจบฤดูกาล...หากเขายังทำผลงานน่าประทับใจต่อไปได้เรื่อยๆ ทั้งสองเป้าหมายที่ตั้งไว้ ต้องไม่ยากเกินความสามารถของเขาอย่างแน่นอน